สวัสดี ครับทุกๆคน ในบล๊อกแห่งนี้มีหลายบทความที่ผมกล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน รวมทั้งสิ่งที่จำเป็นมากมายสิ่งในครั้งใดก็ตามไปสมัครงานควรจะมี มันก็คือประวัติโดยย่อที่ใช้เพื่อสมัครงาน รวมทั้งควรเป็นประวัติโดยย่อที่ใช้เพื่อสมัครงานหนดีด้วย แล้วก็ในสมัยเออีซีนี้ประวัติย่อสำหรับใช้สมัครงานที่ดีก็ควรจะเป็นภาษาอังกฤษด้วย ผมก็เลยมีแนวทางสำหรับการเขียนประวัติย่อสำหรับใช้สมัครงานภาษาอังกฤษมาแบ่งปันครับผม
วิธีการเขียน Resume เป็นภาษาอังกฤษให้มีคุณภาพตามหลักสากล
1.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของคุณไม่ว่าจะด้านการศึกษาเล่าเรียน การทำงาน การเป็นสมาชิกของหน่วยงาน หรือกิจกรรมรวมถึงการเข้าร่วมทำกิจกรรมการแข่งขัน และการประกวดต่างๆก่อนหน้าที่ผ่านมา
2.พยายามเรียบเรียงเรื่องราวให้กระชับได้ใจความ
3.ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็คือการลงมือเขียน Resume เป็นภาษาอังกฤษ โดยขั้นแรกจะเขียนชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ แฟกซ์ และก็ท้ายที่สุดก็คืออีเมล์ของคุณ ไว้ที่ส่วนบนสุดของ Resume
4.เขียนสิ่งที่แสดงความเป็นตัวคุณรวมทั้งเป้าหมายของคุณ เพื่อบอกถึงงานที่คุณกำลังมองหาว่าเป็นงานแบบไหน ซึ่งสิ่งนี้ช่วยทำให้คุณได้งานที่ตรงกับความรู้ความเข้าใจของคุณมากเพิ่มขึ้นอีกด้วย
5.เรื่องของประสบการณ์ด้านการศึกษาเล่าเรียน นำข้อมูลด้านการศึกษาวิจัยที่คุณได้เขียนบันทึกลงในเศษกระดาษนั้นมาเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษแล้วเขียนลงไปใน Resume
6.เขียนประสบการณ์ในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่ด้านการทำงานลงไปใน Resume จนครบสมบูรณ์ (ไม่ต้องเล่าอะไรมากมายเลือกเอาเฉพาะที่สำคัญ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกเอาที่สามารถเกี่ยวโยงกับงานที่เราสนใจ)
7.ในส่วนท้ายที่สุดนำเสนอทักษะหรือความสามารถพิเศษเด่นๆที่พวกเรามี ผมแนะนำให้เอาที่เกี่ยวกับงานที่พวกเราจะสมัคร
8.จบ Resume ด้วยประโยคที่ว่า “REFERENCES Available upon request”
การแบ่งส่วนต่างๆของ Resume
แบ่งส่วนต่างๆของ Resumeให้อ่านง่าย ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งได้เป็น 5 ส่วนสำคัญๆดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 – หัวเรื่องและจุดประสงค์ (Heading and Objective)
บริเวณหัวกระดาษจะต้องบอกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์แล้วก็อีเมล์ซึ่งสามารถติดต่อคุณได้โดยตรง ส่วนจุดประสงค์เป็นการกล่าวถึงตำแหน่งงานที่คุณสนใจ
ส่วนที่ 2 – เนื้อหาเกี่ยวกับตัวเอง (Personal Details)
ข้อมูลทั่วไปอย่างเช่น อายุ วันเดือนปีที่เกิด น้ำหนักความสูง สถานภาพการสมรส สถานภาพด้านการทหาร สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ ศาสนา ฯลฯ
ส่วนที่ 3 – ข้อมูลด้านการศึกษา การฝึกอบรม (Education)
เขียนวุฒิการศึกษาที่คุณได้รับมา รวมทั้งการฝึกอบรมต่างๆหรือกิจกรรมนอกเหนือจากที่อยู่ในหลักสูตรที่คุณเคยเข้าร่วม แนะนำว่าให้มีความเกี่ยวโยงกับตำแหน่งงานที่สมัครด้วยนะครับตัวอย่างเช่น สมัครเป็นคุณครู คุณก็ระบุว่าเคยเข้ารับการอบรมหลักสูตรครูอาสาสมัครให้เด็กด้อยโอกาส
ส่วนที่ 4 – ข้อมูลด้านประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการทำงาน (Experiences)
ในส่วนนี้จะคล้ายกับข้อมูลการเรียนนะครับ โดยเริ่มจากวันเดือนปีที่เริ่มปฏิบัติงาน ตำแหน่งงาน ชื่อสถานประกอบการ และก็ระยะเวลาที่ปฏิบัติงานนั้น นอกนั้นควรจะใส่หน้าที่ที่คุณได้รับผิดชอบขณะที่กำลังทำงานอยู่ด้วยนะครับ
ส่วนที่ 5 – บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)
สำหรับ resume ภาษาอังกฤษที่คุณเขียนให้ผู้ว่าจ้างจะดูมีความน่าเชื่อถือสูง ถ้าเกิดพวกเรามีชื่อแล้วก็ข้อมูลการติดต่อของบุคคลที่นายจ้างสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราได้ ด้วยเหตุนี้ reference ของคุณควรจะเป็นบุคคลมีความน่าเชื่อถือในแวดวงธุรกิจนั้นๆ ตัวอย่างเช่นควรจะเป็นบุคคลที่มีงานมั่นคง หรือเป็นที่รู้จัก บางทีอาจเป็นข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน หรือเจ้าของธุรกิจ ฯลฯ
เทคนิคต่างๆการเขียน resume เป็นภาษาอังกฤษ
ให้เรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง โดยยึดเอาสิ่งที่จำเป็นและความต้องการของตำแหน่งงานเป็นหลัก
– วุฒิการศึกษา ให้เรียงจากวุฒิสูงสุดไปต่ำสุด
– เขียนชื่อวุฒิเริ่มต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ
– ชื่อสถาบัน ให้ใส่จังหวัดที่สถาบันตั้งอยู่ เว้นเสียแต่สถาบันที่ใช้ชื่อจังหวัดเป็นชื่อสถาบัน
– ความสามารถพิเศษ ถ้ามีก็ให้เขียนลงไปด้วยในส่วนนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วคุณควรที่จะนำเสนอ
– ข้อมูลด้านประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการทำงาน เขียนงานที่ทำตอนนี้ก่อน แล้วเรียงไปจนกระทั่งตำแหน่งงานแรก
– บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)
– สำหรับบุคคลอ้างอิงสามารถเขียนได้ 2-3 คน ไม่ควรทำงานที่เดียวกัน,และจะต้องไม่ใช่ญาติ,หากมีตำแหน่งจะต้องใส่คำนำหน้า
วิธีการเขียน Resume เป็นภาษาอังกฤษให้มีคุณภาพตามหลักสากล
1.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของคุณไม่ว่าจะด้านการศึกษาเล่าเรียน การทำงาน การเป็นสมาชิกของหน่วยงาน หรือกิจกรรมรวมถึงการเข้าร่วมทำกิจกรรมการแข่งขัน และการประกวดต่างๆก่อนหน้าที่ผ่านมา
2.พยายามเรียบเรียงเรื่องราวให้กระชับได้ใจความ
3.ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็คือการลงมือเขียน Resume เป็นภาษาอังกฤษ โดยขั้นแรกจะเขียนชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ แฟกซ์ และก็ท้ายที่สุดก็คืออีเมล์ของคุณ ไว้ที่ส่วนบนสุดของ Resume
4.เขียนสิ่งที่แสดงความเป็นตัวคุณรวมทั้งเป้าหมายของคุณ เพื่อบอกถึงงานที่คุณกำลังมองหาว่าเป็นงานแบบไหน ซึ่งสิ่งนี้ช่วยทำให้คุณได้งานที่ตรงกับความรู้ความเข้าใจของคุณมากเพิ่มขึ้นอีกด้วย
5.เรื่องของประสบการณ์ด้านการศึกษาเล่าเรียน นำข้อมูลด้านการศึกษาวิจัยที่คุณได้เขียนบันทึกลงในเศษกระดาษนั้นมาเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษแล้วเขียนลงไปใน Resume
6.เขียนประสบการณ์ในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่ด้านการทำงานลงไปใน Resume จนครบสมบูรณ์ (ไม่ต้องเล่าอะไรมากมายเลือกเอาเฉพาะที่สำคัญ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกเอาที่สามารถเกี่ยวโยงกับงานที่เราสนใจ)
7.ในส่วนท้ายที่สุดนำเสนอทักษะหรือความสามารถพิเศษเด่นๆที่พวกเรามี ผมแนะนำให้เอาที่เกี่ยวกับงานที่พวกเราจะสมัคร
8.จบ Resume ด้วยประโยคที่ว่า “REFERENCES Available upon request”
การแบ่งส่วนต่างๆของ Resume
แบ่งส่วนต่างๆของ Resumeให้อ่านง่าย ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งได้เป็น 5 ส่วนสำคัญๆดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 – หัวเรื่องและจุดประสงค์ (Heading and Objective)
บริเวณหัวกระดาษจะต้องบอกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์แล้วก็อีเมล์ซึ่งสามารถติดต่อคุณได้โดยตรง ส่วนจุดประสงค์เป็นการกล่าวถึงตำแหน่งงานที่คุณสนใจ
ส่วนที่ 2 – เนื้อหาเกี่ยวกับตัวเอง (Personal Details)
ข้อมูลทั่วไปอย่างเช่น อายุ วันเดือนปีที่เกิด น้ำหนักความสูง สถานภาพการสมรส สถานภาพด้านการทหาร สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ ศาสนา ฯลฯ
ส่วนที่ 3 – ข้อมูลด้านการศึกษา การฝึกอบรม (Education)
เขียนวุฒิการศึกษาที่คุณได้รับมา รวมทั้งการฝึกอบรมต่างๆหรือกิจกรรมนอกเหนือจากที่อยู่ในหลักสูตรที่คุณเคยเข้าร่วม แนะนำว่าให้มีความเกี่ยวโยงกับตำแหน่งงานที่สมัครด้วยนะครับตัวอย่างเช่น สมัครเป็นคุณครู คุณก็ระบุว่าเคยเข้ารับการอบรมหลักสูตรครูอาสาสมัครให้เด็กด้อยโอกาส
ส่วนที่ 4 – ข้อมูลด้านประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการทำงาน (Experiences)
ในส่วนนี้จะคล้ายกับข้อมูลการเรียนนะครับ โดยเริ่มจากวันเดือนปีที่เริ่มปฏิบัติงาน ตำแหน่งงาน ชื่อสถานประกอบการ และก็ระยะเวลาที่ปฏิบัติงานนั้น นอกนั้นควรจะใส่หน้าที่ที่คุณได้รับผิดชอบขณะที่กำลังทำงานอยู่ด้วยนะครับ
ส่วนที่ 5 – บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)
สำหรับ resume ภาษาอังกฤษที่คุณเขียนให้ผู้ว่าจ้างจะดูมีความน่าเชื่อถือสูง ถ้าเกิดพวกเรามีชื่อแล้วก็ข้อมูลการติดต่อของบุคคลที่นายจ้างสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราได้ ด้วยเหตุนี้ reference ของคุณควรจะเป็นบุคคลมีความน่าเชื่อถือในแวดวงธุรกิจนั้นๆ ตัวอย่างเช่นควรจะเป็นบุคคลที่มีงานมั่นคง หรือเป็นที่รู้จัก บางทีอาจเป็นข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน หรือเจ้าของธุรกิจ ฯลฯ
เทคนิคต่างๆการเขียน resume เป็นภาษาอังกฤษ
ให้เรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง โดยยึดเอาสิ่งที่จำเป็นและความต้องการของตำแหน่งงานเป็นหลัก
– วุฒิการศึกษา ให้เรียงจากวุฒิสูงสุดไปต่ำสุด
– เขียนชื่อวุฒิเริ่มต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ
– ชื่อสถาบัน ให้ใส่จังหวัดที่สถาบันตั้งอยู่ เว้นเสียแต่สถาบันที่ใช้ชื่อจังหวัดเป็นชื่อสถาบัน
– ความสามารถพิเศษ ถ้ามีก็ให้เขียนลงไปด้วยในส่วนนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วคุณควรที่จะนำเสนอ
– ข้อมูลด้านประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการทำงาน เขียนงานที่ทำตอนนี้ก่อน แล้วเรียงไปจนกระทั่งตำแหน่งงานแรก
– บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)
– สำหรับบุคคลอ้างอิงสามารถเขียนได้ 2-3 คน ไม่ควรทำงานที่เดียวกัน,และจะต้องไม่ใช่ญาติ,หากมีตำแหน่งจะต้องใส่คำนำหน้า